Need a quotation?

Dear Customers, if you wish to receive a quotation, we kindly ask you to fill in below form. Once the form has been duly filled and submitted, the rates will be quoted to you.

Error: Contact form not found.

SEARCH SITE BY TYPING (ESC TO CLOSE)

Category Archives: ความรู้

พิธีการสำหรับสินค้าถ่ายลำ/ผ่านแดน

พิธีการสำหรับสินค้าถ่ายลำ/ผ่านแดน

ประเทศไทยตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่เอื้อต่อการเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้มีการขนส่งสินค้าผ่านแดนและถ่ายลำสินค้าจำนวนมากในแต่ละปี เพื่อให้กระบวนการเหล่านี้ดำเนินไปอย่างราบรื่นและถูกต้องตามกฎหมาย ผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องมีความเข้าใจในพิธีการศุลกากรที่เกี่ยวข้อง

1. การถ่ายลำคืออะไร?

การถ่ายลำคือกระบวนการขนถ่ายสินค้าจากยานพาหนะขนส่งหนึ่งไปยังอีกยานพาหนะหนึ่ง ณ ด่านศุลกากรเดียวกันภายในประเทศไทย โดยมีจุดเริ่มต้นและจุดหมายปลายทางของสินค้านอกราชอาณาจักรไทย

2. การผ่านแดนคืออะไร?

การผ่านแดนคือกระบวนการขนส่งสินค้าผ่านประเทศไทยจากด่านศุลกากรขาเข้าไปยังด่านศุลกากรขาออก โดยสินค้าจะอยู่ภายใต้การควบคุมของศุลกากรตลอดเวลาและไม่ได้มีไว้เพื่อใช้หรือจำหน่ายภายในประเทศไทย

3. ประเภทของการผ่านแดน:

  • การผ่านแดนตามความตกลงระหว่างประเทศ:
    • ความตกลงว่าด้วยการขนส่งทางถนนระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (ไทย-ลาว)
    • ความตกลงว่าด้วยการขนส่งสินค้าผ่านแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศมาเลเซีย (ไทย-มาเลเซีย)
  • การผ่านแดนตามความตกลง GATT 1994: เป็นการผ่านแดนภายใต้กรอบขององค์การการค้าโลก (WTO)

4. ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบ:

  • การถ่ายลำ: ผู้ขอถ่ายลำ
  • การผ่านแดน:
    • ผู้ขนส่งผ่านแดน: สำหรับการผ่านแดนตามความตกลงระหว่างประเทศ (ต้องได้รับอนุญาต)
    • ผู้ขอผ่านแดน: สำหรับการผ่านแดนตามความตกลง GATT 1994

5. ขั้นตอนการขออนุญาตถ่ายลำ/ผ่านแดน:

  1. ตรวจสอบคุณสมบัติ: ผู้ขอถ่ายลำ/ผ่านแดนต้องมีคุณสมบัติตามที่กรมศุลกากรกำหนด เช่น การจดทะเบียนบริษัท มีสถานที่ประกอบการที่เหมาะสม เป็นต้น
  2. ยื่นคำขอ: ยื่นคำขออนุญาตต่อกรมศุลกากร พร้อมเอกสารประกอบการต่างๆ เช่น หนังสือรับรองบริษัท รายละเอียดสินค้า เส้นทางการขนส่ง เป็นต้น
  3. ทำสัญญาและวางหลักประกัน: เมื่อได้รับอนุมัติ ผู้ขอถ่ายลำ/ผ่านแดนต้องทำสัญญาประกันและวางหลักประกันตามที่กรมศุลกากรกำหนด หลักประกันอาจเป็นเงินสด หนังสือค้ำประกันของธนาคาร หรือหลักประกันอื่นๆ ที่กรมศุลกากรยอมรับ

6. พิธีการศุลกากร:

  • จัดทำใบขนสินค้า: ผู้ขอถ่ายลำ/ผ่านแดนต้องจัดทำใบขนสินค้าในรูปแบบที่กำหนด ซึ่งอาจเป็นแบบอิเล็กทรอนิกส์หรือแบบกระดาษ
  • ตรวจสอบสินค้า: เจ้าหน้าที่ศุลกากรจะทำการตรวจสอบสินค้าเพื่อยืนยันความถูกต้องของข้อมูลในใบขนสินค้า
  • ชำระค่าธรรมเนียม: ผู้ขอถ่ายลำ/ผ่านแดนต้องชำระค่าธรรมเนียมต่างๆ ตามที่กำหนด
  • นำสินค้าออก: สินค้าต้องถูกนำออกนอกประเทศไทยภายในระยะเวลาที่กำหนด (ปกติ 30 วัน) โดยต้องมีการแจ้งและตรวจสอบสินค้าอีกครั้ง ณ ด่านศุลกากรขาออก

7. ข้อดีของการถ่ายลำและการผ่านแดน:

  • ลดต้นทุนการขนส่ง: การถ่ายลำและการผ่านแดนสามารถช่วยลดต้นทุนการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศได้
  • ส่งเสริมการค้า: การอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าผ่านประเทศไทยช่วยส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
  • เพิ่มรายได้ให้ประเทศ: การถ่ายลำและการผ่านแดนสามารถสร้างรายได้ให้แก่ประเทศจากค่าธรรมเนียมและบริการต่างๆ

8. ข้อควรระวัง:

  • ศึกษาและปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด: ผู้ประกอบการควรศึกษาและปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายลำและการผ่านแดนอย่างเคร่งครัด
  • ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: หากมีข้อสงสัยหรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านพิธีการศุลกากรหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

9. ข้อมูลเพิ่มเติม:

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับพิธีการสำหรับสินค้าถ่ายลำ/ผ่านแดน กรุณาติดต่อกรมศุลกากร หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์กรมศุลกากร: https://www.customs.go.th/

 

โทร : 02-2861967-9

อีเมล์ : info@ktclogistics.co.th

เพิ่มเพื่อน

READ MORE

ใบรับรองแหล่งผลิตแหล่งกำเนิดอาหารปลอดโรค (Pink Form) | บริการขออย่างรวดเร็ว

ใบรับรองแหล่งผลิตแหล่งกำเนิดอาหารปลอดโรค (Pink Form): ส่งออกอาหารอย่างมั่นใจ

การส่งออกอาหาร ผัก และผลไม้ไปยังต่างประเทศจำเป็นต้องมี ใบรับรองแหล่งผลิตแหล่งกำเนิดอาหารปลอดโรค หรือ Pink Form ซึ่งเป็นเอกสารรับรองจากกองควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศผู้นำเข้าว่าสินค้าอาหารของไทยมีคุณภาพและปลอดภัยจากโรคอหิวาตกโรค

ทำไมต้องขอใบรับรองแหล่งผลิตแหล่งกำเนิดอาหารปลอดโรค (Pink Form)?

  • เพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับสินค้าอาหารของท่าน
  • ป้องกันปัญหาการกักกันสินค้าหรือถูกส่งคืนจากประเทศปลายทาง
  • อำนวยความสะดวกในกระบวนการพิธีการศุลกากร
  • เสริมสร้างภาพลักษณ์ของธุรกิจและตราสินค้าอาหารไทย

บริการยื่นคำขอ Pink Form ครบวงจร

บริษัทของเราเข้าใจดีว่ากระบวนการขอใบรับรองฯ อาจใช้เวลานานและมีความซับซ้อน เราจึงพร้อมให้บริการยื่นขอ Pink Form แบบครบวงจร เพื่อให้ธุรกิจของท่านไม่ต้องยุ่งยากวุ่นวาย:

  • ให้คำปรึกษาและตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร
  • ยื่นขอ Pink Form แทนท่านผ่านระบบออนไลน์
  • ติดตามความคืบหน้ากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
  • รับและจัดส่งใบรับรองฯ ให้กับท่านอย่างรวดเร็ว

มุ่งมั่นสู่ความสำเร็จของธุรกิจอาหารไทย

ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการขอใบรับรองฯ เราพร้อมช่วยเหลือผู้ส่งออกอาหารทุกท่าน ประหยัดเวลา ลดความยุ่งยาก และมุ่งมั่นผลักดันให้การส่งออกสินค้าราบรื่นและประสบความสำเร็จ ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

โทร : 061-8577788  คุณเบิร์ด

อีเมล์ : info@ktclogistics.co.th

เพิ่มเพื่อน

READ MORE

เคล็ดลับส่งออกสินค้าสำหรับธุรกิจ SME: สู่ความสำเร็จในตลาดโลก

อธิบายถึงขั้นตอนการส่งออกสินค้าแบบง่ายๆ

 

เคล็ดลับส่งออกสินค้าสำหรับธุรกิจ SME: สู่ความสำเร็จในตลาดโลก

การขยายธุรกิจไปยังตลาดต่างประเทศผ่านการค้าระหว่างประเทศ ถือเป็นโอกาสทองสำหรับธุรกิจ SME ในการสร้างการเติบโตและเพิ่มรายได้อย่างยั่งยืน เคล็ดลับเหล่านี้จะช่วยให้คุณเตรียมความพร้อมและดำเนินการค้าขายสินค้ากับต่างประเทศอย่างมืออาชีพ เพื่อให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จในตลาดโลก

1. เจาะลึกตลาดต่างประเทศ:

  • ประเมินศักยภาพสินค้า: พิจารณาจุดแข็งและจุดอ่อนของสินค้าของคุณ เทียบกับความต้องการและแนวโน้มของตลาดเป้าหมาย เพื่อประเมินโอกาสในการแข่งขันและการเติบโต
  • ทำความเข้าใจตลาดเป้าหมาย: ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับกฎระเบียบ ข้อกำหนดทางกฎหมาย สภาพเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และพฤติกรรมผู้บริโภคของประเทศเป้าหมายอย่างละเอียด
  • ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: หากคุณยังไม่มีประสบการณ์ในการค้าขายกับต่างประเทศ การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เช่น กรมส่งเสริมการส่งออก จะช่วยให้คุณได้รับคำแนะนำและข้อมูลเชิงลึกที่เป็นประโยชน์

2. สร้างความโดดเด่นให้สินค้าในตลาดโลก:

  • ใช้ช่องทางออนไลน์: นำเสนอสินค้าของคุณบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซระดับโลก เช่น Amazon, Alibaba, 1688 เพื่อเข้าถึงผู้ซื้อทั่วโลก สร้างความน่าสนใจด้วยภาพถ่ายและคำอธิบายสินค้าที่ชัดเจน ครบถ้วน และเป็นมืออาชีพ
  • เข้าร่วมงานแสดงสินค้า: งานแสดงสินค้าในและต่างประเทศเป็นโอกาสอันดีในการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจและนำเสนอสินค้าของคุณโดยตรงต่อผู้ซื้อและตัวแทนจำหน่าย
  • สร้างเครือข่าย: สร้างความสัมพันธ์อันดีกับผู้ประกอบการและผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมเดียวกัน ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและโอกาสทางธุรกิจ

3. วางแผนการผลิตและการขนส่งอย่างมีประสิทธิภาพ:

  • วางแผนการผลิต: วางแผนการผลิตให้สอดคล้องกับคำสั่งซื้อและความต้องการของตลาด กำหนดมาตรฐานคุณภาพที่เข้มงวด และควบคุมกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
  • จัดการโลจิสติกส์อย่างมืออาชีพ: เลือกวิธีการขนส่งที่เหมาะสมกับประเภทสินค้าและปลายทาง โดยคำนึงถึงต้นทุน ระยะเวลา และความปลอดภัยของสินค้า
  • ประกันภัยสินค้า: ทำประกันภัยสินค้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความเสียหายหรือสูญหายระหว่างการขนส่ง

4. เอกสารครบ จบทุกปัญหา:

  • ขอใบอนุญาตส่งออก: หากสินค้าของคุณอยู่ในประเภทสินค้าควบคุม ต้องดำเนินการขอใบอนุญาตส่งออกจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
  • จัดเตรียมเอกสารส่งออก: จัดเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกให้ครบถ้วนและถูกต้องตามข้อกำหนดของประเทศปลายทาง เช่น ใบขนสินค้าขาออก ใบกำกับสินค้า ใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า เป็นต้น

5. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ:

หากคุณยังไม่มั่นใจในขั้นตอนการค้าขายกับต่างประเทศ หรือต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม KTC GLOBAL LOGISTICS พร้อมให้บริการที่ปรึกษาและบริการครบวงจรด้านการค้าระหว่างประเทศ เพื่อให้ธุรกิจของคุณก้าวสู่ตลาดโลกได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

การค้าขายกับต่างประเทศอาจมีความซับซ้อน แต่ด้วยการเตรียมความพร้อมอย่างรอบคอบและการดำเนินการอย่างมืออาชีพ ธุรกิจ SME ของคุณก็สามารถประสบความสำเร็จในตลาดสากลได้อย่างแน่นอน

READ MORE

ข้อควรระวังก่อนส่งสินค้าต่างประเทศ

ข้อควรระวังก่อนส่งสินค้าต่างประเทศ: เพื่อการส่งออกที่ราบรื่น

ข้อควรระวังก่อนส่งสินค้าต่างประเทศ

การส่งออกสินค้าไปต่างประเทศเป็นขั้นตอนสำคัญในการขยายธุรกิจ แต่ก็มีความซับซ้อนและต้องอาศัยการเตรียมตัวอย่างรอบคอบ เพื่อให้การส่งออกของคุณราบรื่นและประสบความสำเร็จ KTC Global Logistics ขอเเนะนำสิ่งที่สำคัญก่อนส่งสินค้าต่างประเทศ:

1. ทำความเข้าใจกฎหมายและข้อบังคับของประเทศปลายทาง

แต่ละประเทศมีกฎหมายและข้อบังคับเกี่ยวกับการนำเข้าสินค้าที่แตกต่างกัน บางประเทศอาจมีข้อจำกัดหรือห้ามนำเข้าสินค้าบางประเภท หรือมีภาษีนำเข้าที่สูง การไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดเหล่านี้อาจทำให้สินค้าของคุณถูกกักกัน ยึด หรือถูกส่งกลับ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดค่าใช้จ่ายและความล่าช้า

ตัวอย่างข้อบังคับที่ควรตรวจสอบ:

  • ข้อห้ามและข้อจำกัดในการนำเข้าสินค้า
  • อัตราภาษีนำเข้า
  • เอกสารที่จำเป็นสำหรับการนำเข้า
  • มาตรฐานและข้อกำหนดด้านคุณภาพและความปลอดภัย
  • ข้อกำหนดด้านบรรจุภัณฑ์และการติดฉลาก

2. ตรวจสอบประเภทสินค้าที่คุณต้องการส่งออก

สินค้าบางประเภทอาจมีข้อจำกัดหรือถูกห้ามนำเข้าในบางประเทศ เช่น:

  • อาหารสดและอาหารแปรรูปบางชนิด
  • พืชและสัตว์บางชนิด
  • ยาและสารเคมีบางชนิด
  • อาวุธและวัตถุอันตราย
  • สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์

ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสินค้าของคุณไม่เข้าข่ายสินค้าต้องห้ามหรือมีข้อจำกัดในการนำเข้าในประเทศปลายทาง

3. เตรียมเอกสารให้ครบถ้วน

เอกสารที่จำเป็นสำหรับการส่งออกสินค้าอาจแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ แต่โดยทั่วไปแล้ว คุณจะต้องเตรียมเอกสารดังต่อไปนี้:

  • ใบกำกับสินค้า (Commercial Invoice)
  • ใบตราส่งสินค้า (Bill of Lading หรือ Airway Bill)
  • ใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า (Certificate of Origin)
  • ใบอนุญาตส่งออก (ถ้ามี)
  • เอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสินค้า (เช่น ใบรับรองสุขอนามัย, MSDS)

ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเอกสารทั้งหมดถูกต้องและครบถ้วน เพื่อหลีกเลี่ยงความล่าช้าหรือปัญหาในการดำเนินพิธีการศุลกากร

4. คัดเลือกผู้ให้บริการขนส่งที่เชื่อถือได้

ผู้ให้บริการขนส่งมีบทบาทสำคัญในการส่งสินค้าของคุณไปถึงปลายทางอย่างปลอดภัยและตรงเวลา เลือกผู้ให้บริการที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ตรวจสอบข้อมูลและเปรียบเทียบราคาของผู้ให้บริการหลายรายก่อนตัดสินใจ

สิ่งที่ควรพิจารณาในการเลือกผู้ให้บริการขนส่ง:

  • ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการขนส่งสินค้าประเภทของคุณ
  • เครือข่ายการขนส่งที่ครอบคลุม
  • บริการเสริมต่างๆ เช่น การประกันภัยสินค้า การติดตามสถานะการขนส่ง
  • ราคาและเงื่อนไขการให้บริการ

5. ให้ความสำคัญกับการบรรจุหีบห่อสินค้า

การบรรจุหีบห่อสินค้าที่ไม่ดีอาจทำให้สินค้าเสียหายระหว่างการขนส่ง เลือกใช้วัสดุบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมกับประเภทของสินค้า และบรรจุให้แน่นหนาเพื่อป้องกันการกระแทกและการเคลื่อนไหว

READ MORE

การนำเข้าส่งออกสินค้าอันตราย: หลักเกณฑ์และเงื่อนไข

นำเข้าส่งออกสินค้าอันตราย: ข้อกำหนดและมาตรฐาน

การนำเข้าและส่งออกสินค้าอันตรายเป็นกิจกรรมที่ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานและข้อกำหนดที่เข้มงวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทย กฎระเบียบเหล่านี้มีไว้เพื่อความปลอดภัยของผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายและเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อม

คุณสมบัติของผู้ขออนุญาตนำเข้าส่งออกสินค้าอันตราย

ผู้ที่ต้องการนำเข้าหรือส่งออกสินค้าอันตรายต้องมีคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนด ดังนี้:

  1. เป็นนิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศไทย และมีวัตถุประสงค์ในการประกอบกิจการนำเข้าและส่งออกสินค้าอันตรายระบุไว้ในหนังสือบริคณห์สนธิ
  2. ได้รับอนุญาตเป็นผู้ขอผ่านแดน ผู้ขนส่งผ่านแดน หรือผู้ขอถ่ายลำ ตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร

หลักประกันและการคืนหลักประกันในการนำเข้าส่งออกสินค้าอันตราย

ผู้ขออนุญาตต้องจัดให้มีการประกันสำหรับค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นจากการทำลายหรือการจัดการสินค้าอันตรายตามแบบ วอ./อก 25 ต่อกรมโรงงานอุตสาหกรรม พร้อมวางหนังสือค้ำประกันของธนาคารวงเงินขั้นต่ำ 100,000 บาท ยกเว้นกรณีการนำเข้าส่งออกสินค้าอันตรายตามบัญชี 5.2 ที่ต้องวางหนังสือค้ำประกันของธนาคารวงเงินขั้นต่ำ 500,000 บาท

  • หนังสือค้ำประกันของธนาคารต้องมีกำหนดเวลาและวงเงินครอบคลุมการนำเข้าส่งออกในแต่ละครั้ง
  • เมื่อนำสินค้าอันตรายออกนอกราชอาณาจักรแล้ว ผู้ขออนุญาตต้องส่งคืนใบนำผ่านพร้อมสำเนาใบขนสินค้าผ่านแดน หรือสำเนาใบเคลื่อนย้ายของผ่านแดน แก่กรมโรงงานอุตสาหกรรม จึงจะดำเนินการขอคืนหลักประกันได้

ขั้นตอนและเงื่อนไขการออกใบอนุญาตนำเข้าส่งออกสินค้าอันตราย

หลังจากยื่นใบแจ้งหรือคำขออนุญาตพร้อมเอกสารประกอบการพิจารณาแล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่จะออกใบอนุญาตนำผ่านภายใน 15 วันนับตั้งแต่ออกใบรับเรื่อง โดย:

  1. สินค้าอันตรายชนิดที่ 1 หรือชนิดที่ 2 จะบันทึกลงในท้ายแบบ วอ./อก.26
  2. สินค้าอันตรายชนิดที่ 3 จะออกใบอนุญาตนำผ่านตามแบบ วอ./อก.28
  • ใบอนุญาตนำผ่านออกให้สำหรับผลิตภัณฑ์หรือชื่อของสินค้าอันตรายมากกว่าหนึ่งรายการได้ แต่ทุกรายการต้องแสดงอยู่ใน Invoice ฉบับเดียวกัน
  • การรับใบอนุญาตนำผ่านต้องนำใบตราส่งสินค้าระหว่างประเทศ (BILL OF LANDING, AIR WAY BILL) มาแสดงด้วย

ที่มา: ประกาศกรมโรงงานอุตสาหกรรม

READ MORE

วิธีการคิดค่าขนส่งสินค้าทางเครื่องบินไปต่างประเทศทั่วโลก

วิธีการคิดค่าขนส่งสินค้าทางเครื่องบินไปต่างประเทศทั่วโลก

วิธีการคิดค่าขนส่งสินค้าทางเครื่องบิน

การส่งออกสินค้าไปต่างประเทศด้วยเครื่องบินเป็นทางเลือกที่รวดเร็วและสะดวก แต่ค่าขนส่งก็อาจสูงกว่าการขนส่งทางอื่นๆ การเข้าใจวิธีการคิดค่าขนส่งทางเครื่องบินอย่างละเอียดจะช่วยให้คุณวางแผนงบประมาณและเลือกบริการขนส่งที่เหมาะสมได้

หลักการคิดค่าขนส่งสินค้าทางอากาศระหว่างประเทศ

ค่าขนส่งทางเครื่องบินระหว่างประเทศไม่ได้ขึ้นอยู่กับน้ำหนักของสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่ยังคำนึงถึงปริมาตรหรือขนาดของสินค้าด้วย เนื่องจากพื้นที่ในเครื่องบินมีจำกัด สายการบินจึงต้องคำนวณค่าขนส่งจากปัจจัยสองประการนี้:

1. น้ำหนักจริง (Actual Gross Weight)

คือน้ำหนักของสินค้าที่ชั่งได้จริง มีหน่วยเป็นกิโลกรัม

2. น้ำหนักตามปริมาตร (Dimensional Weight หรือ Volumetric Weight)

คือน้ำหนักที่คำนวณจากขนาดของสินค้า (กว้าง x ยาว x สูง) โดยมีสูตรคำนวณดังนี้:

น้ำหนักตามปริมาตร (กก.) = (กว้าง x ยาว x สูง) / 6000 (หน่วยเป็นเซนติเมตร)

การเลือกใช้น้ำหนักที่เรียกเก็บ (Chargeable Weight)

สายการบินจะเปรียบเทียบระหว่างน้ำหนักจริงและน้ำหนักตามปริมาตร แล้วเลือกใช้น้ำหนักที่มากกว่าเป็น “น้ำหนักที่เรียกเก็บ” (Chargeable Weight) เพื่อคำนวณค่าขนส่ง

ตัวอย่างการคิดค่าขนส่งสินค้าทางเครื่องบินไปต่างประเทศ

ตัวอย่างที่ 1: สินค้า A

  • น้ำหนักจริง: 50 กิโลกรัม
  • ขนาด: 30 x 30 x 30 ซม.
  • น้ำหนักตามปริมาตร: (30 x 30 x 30) / 6000 = 4.5 กิโลกรัม

เนื่องจากน้ำหนักจริง (50 กก.) มากกว่าน้ำหนักตามปริมาตร (4.5 กก.) ดังนั้น น้ำหนักที่เรียกเก็บคือ 50 กิโลกรัม

ตัวอย่างที่ 2: สินค้า B

  • น้ำหนักจริง: 2 กิโลกรัม
  • ขนาด: 30 x 30 x 30 ซม.
  • น้ำหนักตามปริมาตร: (30 x 30 x 30) / 6000 = 4.5 กิโลกรัม

เนื่องจากน้ำหนักตามปริมาตร (4.5 กก.) มากกว่าน้ำหนักจริง (2 กก.) ดังนั้น น้ำหนักที่เรียกเก็บคือ 4.5 กิโลกรัม

สูตรคำนวณค่าขนส่งสินค้าทางเครื่องบินไปต่างประเทศ

ค่าขนส่ง = น้ำหนักที่เรียกเก็บ (กก.) x อัตราค่าขนส่งต่อกิโลกรัม

อัตราค่าขนส่งต่อกิโลกรัมจะแตกต่างกันไปตามสายการบิน เส้นทาง และประเภทของสินค้า รวมถึงอาจมีค่าบริการเพิ่มเติมอื่นๆ เช่น

  • ค่าธรรมเนียมน้ำมัน (Fuel Surcharge)
  • ค่าธรรมเนียมการจัดการ (Handling Fee)
  • ค่าประกันภัย (Insurance)

เคล็ดลับในการประหยัดค่าขนส่งสินค้าทางเครื่องบิน

  • ลดขนาดบรรจุภัณฑ์: ใช้บรรจุภัณฑ์ที่พอดีกับสินค้า เพื่อลดน้ำหนักตามปริมาตร
  • รวมสินค้าหลายชิ้นในกล่องเดียว: หากเป็นไปได้ ควรรวมสินค้าหลายชิ้นไว้ในกล่องเดียวกัน เพื่อลดจำนวนกล่องและประหยัดค่าใช้จ่าย
  • เลือกสายการบินที่เหมาะสม: เปรียบเทียบอัตราค่าขนส่งของสายการบินต่างๆ เพื่อเลือกสายการบินที่ให้ราคาดีที่สุด
  • ใช้บริการตัวแทนขนส่งสินค้า: ตัวแทนขนส่งสินค้าอาจมีอัตราค่าขนส่งที่ต่ำกว่า และสามารถให้คำแนะนำในการเตรียมเอกสารและดำเนินพิธีการต่างๆ ได้
READ MORE